spot_imgspot_img
spot_img
หน้าแรกTHAI STOCKราชฯ หวังปิดดีลซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าเพย์ตัน ดันผลงาน Q2/66 เติบโต

ราชฯ หวังปิดดีลซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าเพย์ตัน ดันผลงาน Q2/66 เติบโต


นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 เติบโตเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากคาดว่าจะสามารถปิดดีลซื้อหุ้น 36.26% ในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนไผ่ตัน อินโดนีเซีย กำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,045 เมกะวัตต์ แล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2566 จึงจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรบางส่วนในไตรมาส 2 ก่อน และจะรับรู้รายได้ตามสัดส่วนการถือหุ้นดังกล่าวประมาณไตรมาสที่ 3 ปี 2566 เป็นต้นไป โดยบริษัทคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 2,500 ล้านบาท/ปี

นอกจากนี้ยังรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าใหม่ที่เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วในไตรมาส 1 ปี 2566 ไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมลินคอล์นแกป 1&2 ขนาดกำลังการผลิต 212 เมกะวัตต์ ก๊าซธรรมชาติสแนปเปอร์พอยต์ กำลังการผลิต 154 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าราชเอ็นเนอร์ยี่ ระยอง กำลังการผลิต 98 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังน้ำซองเกียง 2 กำลังการผลิต 17.10 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าราชโคเจน กำลังขยายกำลังการผลิตติดตั้ง 31.20 เมกะวัตต์ กำลังการผลิตไอน้ำ 7.5 ตันต่อชั่วโมง

นอกจากนี้ เตรียมรับรู้รายได้จากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Rooftop ที่ดำเนินการโดย บริษัท สหโคเจน (ชลบุรี) จำกัด (มหาชน) หรือ SCG ซึ่งจะทยอย COD รวม 9 โครงการ ภายในวันที่ 23 พ.ค., ก.ย. 2566 และ 23 พ.ย., อีโค่ วินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมเวียดนาม กำลังการผลิตติดตั้ง 29.7 เมกะวัตต์ กำหนด COD เดือน มิ.ย.

สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 3/2566 ได้แก่ โรงไฟฟ้าชีวมวลอัดเม็ด สปป.ลาว (บริษัทถือหุ้น 25%) ปัจจุบันมีความคืบหน้าในการก่อสร้าง 62.15% ขณะที่โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2567 จะมีทั้งหมด 8 โครงการ กำลังการผลิตรวม 518.66 เมกะวัตต์ โดยมีความคืบหน้าตามแผนงาน และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Calabunga ประเทศฟิลิปปินส์ กำลังการผลิตติดตั้ง 36.33 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการ และจะเริ่มงานก่อสร้างในเดือนมิถุนายน โครงการนี้ถือเป็นความสำเร็จในการบุกเบิกธุรกิจในประเทศฟิลิปปินส์

บริษัทยังคงเดินหน้าแผนการลงทุนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยคงงบลงทุนรวมปีนี้ไว้ที่ 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 25,000 ล้านบาท รองรับธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่ต้องการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ทั้งประเภทเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยจะเน้นที่ เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียนเป็นหลัก น้อยกว่า 700 เมกะวัตต์ในประเทศเป้าหมาย ได้แก่ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และออสเตรเลีย

อีก 6,000 ล้านบาท หนุนธุรกิจที่ไม่ใช่ไฟฟ้าพร้อมแผนพัฒนาธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ในไทย ผลิตไฮโดรเจนสีเขียว ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น กลุ่มประเทศยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และขยายฐานธุรกิจด้านสุขภาพ พร้อมทั้งบริหารสินทรัพย์เพื่อสร้างความมั่นคงของกระแสเงินสดและรายได้ควบคู่ไปกับการจัดทำแผนการระดมทุน โดยพิจารณาจากเครื่องมือทางการเงินและต้นทุนที่เหมาะสมกับประเภทของโครงการ ซึ่งจะช่วยให้แผนการขยายธุรกิจของบริษัท บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

นางสาวชูศรี กล่าวว่า สำหรับนโยบายลดค่าไฟให้กับประชาชนของรัฐบาลชุดใหม่นั้น บริษัทฯ เชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถควบคุม (Regulator) ค่าไฟฟ้าไม่ให้ประชาชนต้องเดือดร้อนในภาวะที่ค่าไฟสูงซึ่ง บริษัทตกลงว่าควรทำ แต่รัฐบาลควรพิจารณาให้ดีว่าจะออกกฎหมายควบคุมอย่างไร ทำอย่างไรประชาชนจึงจะไม่เดือดร้อน? รวมถึงการลงทุนของประเทศร่วมกัน

โดยยังเชื่อว่าไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนจะเข้ามาบริหารจะยังคงผลักดันนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม หรือ Green โดยเฉพาะพลังงานหมุนเวียน โดยบริษัทฯ ยังคงดำเนินการตามนโยบาย 3S คือ Strength, Synergy, Sustaninability เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน


     

คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้


Source link

spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Technical Summary Widget Powered by Investing.com

ANALYSIS TODAY

Translate »