รถยนต์ฮอนด้าจอดเรียงกันอยู่ที่ลานจัดเก็บรถยนต์ในท่าเรืออุตสาหกรรม ในวันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่นที่จะลดภาษีนำเข้ารถยนต์ในเมืองโยโกฮามา ใกล้กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
คิมคยองฮุน | สำนักข่าวรอยเตอร์
การส่งออกของญี่ปุ่นในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบ 9 เดือนของปีนี้ โดยเติบโตที่ 6.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ข้อมูลจากกระทรวงการคลังของประเทศที่เผยแพร่เมื่อวันพุธเผย
การเติบโตดังกล่าวเกินความคาดหมายอย่างมากว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.8% ที่นักเศรษฐศาสตร์สำรวจโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ และสูงกว่าที่ 3.6% ในเดือนก่อนหน้า
ตัวเลขการส่งออกได้รับการสนับสนุนจากสินค้าที่จัดส่งไปยังยุโรปตะวันตกเพิ่มขึ้น 23.6% และการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสองเพิ่มขึ้น 8.8% นับเป็นครั้งแรกที่การส่งออกจากญี่ปุ่นไปยังสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่เดือนมีนาคม
ข้อมูลดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากตัวเลข GDP ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับไตรมาสที่ 3 แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นหดตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก โดยหดตัว 0.6% ในไตรมาสต่อไตรมาส และ 2.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี
การจัดส่งไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ลดลง 2.4% แต่การส่งออกไปยังฮ่องกงเพิ่มขึ้น 11.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ในเดือนพฤศจิกายน ความตึงเครียดระหว่างญี่ปุ่นและจีนเพิ่มสูงขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิชิของญี่ปุ่นกล่าวว่าความพยายามของจีนที่จะยึดไต้หวันด้วยกำลังอาจกระตุ้นให้กองทัพญี่ปุ่นเข้าแทรกแซง ส่งผลให้ปักกิ่งจำกัดการนำเข้าอาหารทะเลของญี่ปุ่น
การนำเข้าญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนพฤศจิกายน เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5%
นอกเหนือจากความขัดแย้งทางการค้าแล้ว บริษัทญี่ปุ่นยังมีทัศนคติเชิงบวกต่อการเติบโตของธุรกิจ โดยการสำรวจ Tankan ของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นแสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นในหมู่บริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่ดีขึ้นในไตรมาสที่สี่ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ผลิตรายย่อย
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
ที่มาบทความนี้






