ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 200 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนผิดหวังต่อการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทค้าปลีก
ณ เวลา 19.09 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 201 จุด หรือ 0.62% สู่ระดับ 32,380 จุด
หุ้นกลุ่มค้าปลีกเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง โดยถูกกระทบจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่พุ่งขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งเพิ่มขึ้น และเป็นการบ่งชี้ว่าภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐเริ่มส่งผลกระทบต่อกำไรของภาคธุรกิจ
ราคาหุ้นทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลงกว่า 20% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีท หลังเปิดเผยตัวเลขกำไรในไตรมาสแรกต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ส่วนราคาหุ้นโลว์ส ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลงกว่า 2% ก่อนเปิดตลาด หลังเปิดเผยรายได้ในไตรมาสแรกต่ำกว่าคาด
นอกจากนี้ คาดว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะถูกกดดันในวันนี้ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เฟดจะไม่ลังเลในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินอีก 2 ครั้ง ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. หลังจากที่เฟดเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนพ.ค. เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2543 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี
ขณะเดียวกัน เฟดเตรียมปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิ.ย. ซึ่งเฟดจะลดขนาดงบดุลในวงเงิน 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และหลังจากนั้น 3 เดือน เฟดจะเพิ่มการลดขนาดงบดุลเป็น 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน